คนกว่า 90% มักจะวิเคราะห์บอลจากสถิติเป็นหลัก และ ดูความน่าจะเป็นของฟอร์มการเล่น อันดับ และ การบาดเจ็บต่างๆ สถิติเหล่านี้เป็นตัววิเคราะห์ชั้นดีเลยล่ะ
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นลีกบอลที่เล็กมาก หรือ พึ่งเริ่มเข้ามาแข่งในลีกจนไม่มีสถิติอะไรให้ดูเลย ตั้งแต่ฟอร์มการเล่น H2H หรืออื่นๆ จะต้องวิเคราะห์ยังไง? บทความนี้มีคำตอบมาให้ครับ
คำเตือน : การวิเคราะห์ราคาบอลควรเลือกเล่นกับเว็บที่มีมาตรฐาน หรือ เว็บพนันถูกกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้โดนราคาบอลหลอก และ เปลี่ยนไปมาได้เองตามระบบหลังบ้านครับ
เมื่อวิเคราะห์จากสถิติไม่ได้ ต้องวิเคราะห์ราคาบอลยังไง?
ถึงแม้บางครั้งการวิเคราะห์จากสถิติจะยังทำได้ แต่ถ้าวิเคราะห์ราคาบอลได้ด้วยยังไงก็ได้เปรียบในการเล่นมากกว่าแน่นอนครับ
1.ทำความเข้าใจหลักการของราคาบอล
- ราคาบอลไม่ได้สะท้อนความน่าจะเป็น 100%: ราคาบอลถูกกำหนดโดยเจ้ามือ (Bookmaker) ซึ่งมีส่วนต่างกำไร (Margin) อยู่แล้ว ดังนั้นโอกาสที่เจ้ามือจะเสียเปรียบจึงน้อยมาก
- ราคาบอลคือ “ตลาด”: ราคาบอลเป็นเหมือนตลาดหุ้นที่เปลี่ยนแปลงตามแรงซื้อแรงขาย หรือในที่นี้คือ “แรงแทง” ของนักพนันทั่วโลก
- เจ้ามือคือ “นักวิเคราะห์”: เจ้ามือมีทีมงานมืออาชีพและซอฟต์แวร์ขั้นสูงที่ประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อกำหนดราคาเริ่มต้น ดังนั้นราคาเริ่มต้นจึงมักจะมีความแม่นยำในระดับหนึ่ง
2.เทคนิคการวิเคราะห์ “ราคาบอลไหล”
ราคาบอลไหลคือการที่ราคาต่อรอง (Handicap) หรือราคาสูง-ต่ำ (Over/Under) มีการเปลี่ยนแปลงจากราคาเปิด (Opening Odd) ไปยังราคาปัจจุบัน (Current Odd) ซึ่งการไหลของราคาจะบ่งบอกถึงข้อมูลบางอย่างที่อาจซ่อนอยู่
- ไหลขึ้น (ราคาต่อลดลง): เมื่อราคาต่อของทีมใดทีมหนึ่งลดลง (จาก 0.75 เป็น 0.5 หรือ 0.5 เป็น 0.25) ในขณะที่ราคาของทีมรองเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่ามีเงินจำนวนมากไหลเข้ามาที่ทีมต่อ ซึ่งอาจบ่งบอกว่า:
- มีข่าววงใน: เช่น ข่าวผู้เล่นตัวหลักของทีมรองได้รับบาดเจ็บกะทันหัน หรือมีปัญหาภายในทีมที่คนทั่วไปยังไม่รู้
- มั่นใจในทีมต่อมากเกินไป: เจ้ามือกำลังดึงดูดให้นักพนันเทเงินไปที่ทีมรอง เพื่อสร้างสมดุลการจ่ายเงิน
- ไหลลง (ราคาต่อเพิ่มขึ้น): เมื่อราคาต่อของทีมใดทีมหนึ่งเพิ่มขึ้น (จาก 0.5 เป็น 0.75) ในขณะที่ราคาของทีมรองลดลง อาจเป็นสัญญาณว่า:
- มีข่าวร้ายกับทีมต่อ: เช่น ผู้เล่นตัวหลักป่วยกะทันหัน, สภาพจิตใจของทีมไม่ดี หรือข่าวลืออื่นๆ
- เจ้ามือตั้งราคาหลอก: เจ้ามือตั้งราคาที่ดูดีเกินไปเพื่อให้นักพนันหลงแทงทีมรอง แต่แท้จริงแล้วทีมต่อยังคงแข็งแกร่ง
เคล็ดลับ: การวิเคราะห์บอลไหลควรดูจากเว็บที่เชื่อถือได้และเปรียบเทียบกับหลายๆ เว็บ ยิ่งมีแหล่งข้อมูลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น
3.วิเคราะห์ราคา “น้ำ” หรือ “ค่าน้ำ”
ค่าน้ำคืออัตราการจ่ายเงินที่นักพนันจะได้เมื่อชนะเดิมพัน ค่าน้ำที่สูงหมายถึงโอกาสชนะน้อยกว่า แต่ได้เงินรางวัลมากกว่า ส่วนค่าน้ำที่ต่ำหมายถึงโอกาสชนะสูงกว่า แต่ได้เงินรางวัลน้อยกว่า
- ค่าน้ำเปลี่ยนแปลงแต่ราคาต่อคงที่: หากราคาต่อรองไม่เปลี่ยน แต่ค่าน้ำของทีมใดทีมหนึ่งลดลงอย่างต่อเนื่อง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่ามีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้ามาที่ทีมนั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลบางอย่างมาพร้อมกัน
- ค่าน้ำผิดปกติ: หากทีมที่มีฟอร์มเหนือกว่าอย่างชัดเจนกลับมีค่าน้ำที่สูงกว่าปกติ หรือทีมรองมีค่าน้ำที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น อาจเป็นสัญญาณว่าเจ้ามือตั้งราคาเพื่อล่อให้นักพนันแทงผิดทาง
4.วิเคราะห์ราคา “สูง-ต่ำ” (Over/Under)
ราคา Over/Under บอกถึงจำนวนประตูรวมในเกมนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจสะท้อนถึงข้อมูลบางอย่าง
- ราคา Over ไหลขึ้น: หากราคา Over ลดลง (หมายถึงค่าน้ำเพิ่มขึ้น) นั่นอาจเป็นสัญญาณว่ามีเงินจำนวนมากไหลเข้ามาที่การแทงสกอร์สูง อาจเป็นเพราะ:
- ทีมเน้นเกมรุก: มีข่าวว่าทั้งสองทีมจะใช้แผนการเล่นที่เน้นเกมบุกมากขึ้น
- ผู้เล่นตัวรับหลักบาดเจ็บ: มีข่าวว่ากองหลังตัวหลักของทั้งสองทีมได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกมรับอ่อนลง
- ราคา Over ไหลลง: หากราคา Over เพิ่มขึ้น (หมายถึงค่าน้ำลดลง) อาจเป็นสัญญาณว่ามีเงินไหลเข้ามาที่การแทงสกอร์ต่ำ อาจเป็นเพราะ:
- สภาพอากาศไม่ดี: ฝนตกหนักหรือลมแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำประตู
- เน้นเกมรับ: โค้ชทั้งสองทีมอาจวางแผนมาเน้นเกมรับเป็นพิเศษ
ข้อควรระวัง
- อย่าเชื่อทั้งหมด: ราคาบอลเป็นเพียงข้อมูลหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์ ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
- เจ้ามือก็มีสิทธิ์หลอก: บางครั้งเจ้ามืออาจตั้งราคาปลอมเพื่อล่อให้คนแทงผิดทาง
- การวิเคราะห์ต้องใช้ความละเอียด: ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างควบคู่กัน ทั้งราคาเปิด, ราคาไหล, และค่าน้ำจากหลายๆ แหล่ง
Comments are closed